ไม่มีใครต้องการให้เกิดเรื่องเศร้าขึ้น แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วสิ่งสำคัญที่เราควรมีคือการเห็นอกเห็นใจผู้อื่นหรือ Empathy และการให้อภัยตัวเองเพื่อเดินหน้าต่อไป
.
การเห็นอกเห็นใจผู้อื่นหรือ Empathy คืออะไร?
คือความสามารถในการเข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของผู้อื่น ไม่ใช่แค่การรับรู้หรือเข้าใจสิ่งที่อีกคนกำลังพูด แต่เป็นการที่เราได้มองเห็นเหตุการณ์นั้น ๆ จากมุมมองของอีกฝ่ายและจินตนาการว่าเราเป็นคนคนนั้น แม้ว่าโดยทั่วไปแล้วผู้คนค่อนข้างคุ้นเคยกับความรู้สึกและอารมณ์ของตัวเองก่อน แม้การมองในมุมของคนอื่นจะเป็นเรื่องยากแต่ก็ใช่ว่าเราจะไม่สามารถทำได้ เอมี่ โมริน(Amy Morin)นักจิตวิทยาบำบัด กล่าวว่า “การเห็นอกเห็นใจผู้อื่นเหมือนกับการเดินเท้าเป็นกิโลเมตรด้วยรองเท้าของคนอื่น”
.
การเห็นอกเห็นใจผู้อื่นทำให้เราเข้าใจและรับรู้ถึงความเศร้าที่ผู้อื่นต้องเจอได้มากยิ่งขึ้น และสิ่งนี้ทำให้เราสามารถประคับประคองอีกฝ่ายให้ก้าวเดินต่อไปได้อย่างมั่นคง ในที่นี้ เอมี่ นักจิตวิทยาบำบัดได้แนะนำเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการฝึกให้เรามีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เช่น การฟังผู้อื่นโดยไม่ขัดจังหวะหรือตัดสินไปก่อน สังเกตภาษากายและการสื่อสารอื่น ๆ เปิดใจรับฟังความคิดเห็นแม้ว่าเราจะไม่เห็นด้วยก็ตาม ถามคำถามเพื่อรับรู้ข้อมูลเพิ่มเติม และลองจินตนาการว่าเราอยู่ในเหตุการณ์นั้น ๆ สิ่งเหล่านี้จะช่วยให้เราเข้าใจและเห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น
.
การให้อภัยตัวเอง
เราทุกคนคงเคยผ่านการโทษตัวเองมาแล้วแม้ว่าหลายครั้งก็เป็นสิ่งที่เราไม่คาดคิดและควบคุมไม่ได้ ทำให้เราจมกับความคิดที่ว่า “เป็นเพราะเราที่ทำให้….” ความผิดพลาดนั้นเกิดได้ตลอดไม่ว่ากับใคร สิ่งสำคัญคือการเรียนรู้จากข้อผิดพลาดเหล่านี้ ปล่อยวาง และก้าวต่อไป การให้อภัยตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อขั้นตอนเหล่านี้ เอมี่ นักจิตวิทยาบำบัด ก็ได้แนะนำขั้นตอนที่จะทำให้เราให้อภัยตัวเองได้ดังนี้
.
ยอมรับความรับผิดชอบ นั่นคือการยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น
เหตุการณ์เหล่านั้นได้เกิดขึ้นแล้ว เราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ สิ่งที่ทำได้คือการยอมรับ นี่เป็นขั้นตอนที่ยากที่สุดและกล้าหาญที่สุด การยอมรับไม่ใช่ความอ่อนแอ การหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองต่างหากคือความอ่อนแอ
แสดงความสำนึกผิด มีงานวิจัยของนักจิตวิทยา Amarisha Vais บอกว่าการขอโทษและแสดงความสำนึกผิดอย่างจริงใจทำให้ความผิดนั้นบรรเทาลงได้ เช่นกันกับตัวเอง การสำนึกผิดนี้จะทำให้เราสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปในเชิงบวก
ซ่อมแซมความเสียหายและฟื้นฟู
การชดใช้เป็นส่วนสำคัญของการให้อภัย แม้ว่าคนที่เราจะให้อภัยนั้นคือตัวของเราเอง แน่นอนว่าจะเป็นประโยชน์ต่อตัวเราเองให้เราทราบถึงข้อผิดพลาด และวิธีการแก้ไขที่เหมาะสม
เรียนรู้และจดจำ ประสบการณ์เหล่านี้จะทำให้เราได้เรียนรู้ว่าสิ่งใดเหมาะสม สิ่งใดที่ทำให้เราทุกข์ และสิ่งใดที่เราควรจะทำเพื่อไม่ให้เสียใจในภายหลัง แม้ว่าในอนาคตเราอาจจะทำพลาดอีกครั้ง แต่ประสบการณ์จากการเรียนรู้และจดจำจะทำให้เราตัดสินใจได้ดีขึ้น
.
และหลาย ๆ ครั้งเราก็รู้สึกผิดจากสิ่งที่ควบคุมไม่ได้เช่น ลม ฟ้า อากาศ เศรษฐกิจ หรือโรคระบาดที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่เสียใจขึ้นจนทำให้เราต้องโทษตัวเอง แต่สิ่งที่ควบคุมไม่ได้ก็คือสิ่งที่ควบคุมไม่ได้ สิ่งที่ทำได้คือควบคุมในสิ่งที่ควบคุมได้ นั่นคือความคิดและอารมณ์ของตัวเอง ไม่ใช่ความผิดของเราที่ต้องสูญเสียคนที่รักจากสิ่งที่เราไม่คาดคิด ให้อภัยตัวเองเพื่อกลับมาหาคนที่รู้สึกว่าเราสำคัญ นั่นคือตัวเราเองและคนที่รักเราและยังอยู่รอบ ๆ ตัวเรา
Comments